ตั้งแต่ภาพถ่ายของเด็กทั้งสามไปปรากฎบนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ "เดอะเดลี่พังลิชิโอ" กล่าวหาว่าพวกเขาเป็นฆาตกร พวกเขาก็เลยต้องเตลิดหนีและปลอมตัวไปเป็นอาสาสมัครต่อสู้กับเชื้อโรคของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง มิสเตอร์โพหายไปไหนในยามที่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือ และเคาต์โอลาฟพยายามจะผ่าตัดกะโหลกศีรษะของไวโอเล็ตอย่างนี้
คราวนี้มิสเตอร์โพพาเด็กกำพร้าโบดแลร์ไปเข้าโปรแกรมรับดูแลเด็กของหมู่บ้าน "ว.ฟ.ด." (ใครที่อ่านเล่มที่ห้าและหกแล้ว จะต้องรู้เลยว่า คำย่อนี้เป็นคำใบ้ให้รู้ว่าเด็กตระกูลควากไมร์หายไปได้อย่างไร) เอาละ หมุ่บ้านนี้เต็มไปด้วยอีกา และมีกฎของหมุ่บ้านว่า "ห้าทำร้ายอีกา" และ "ห้ามประดิษฐ์อุปกรณ์ใด" โชคดีที่เด็กๆ ได้ไปอยู่กับเฮกเตอร์ ช่างรับซ่อมของจิปาถะ ซึ่งชอบแหกกฎ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครในหมู่บ้านก็ช่วยป้องกันเด็กๆให้รอดพ้นมือเคาต์โอลาฟไม่ได้
ห้องชุดสุดหรุหราของสามีภรรยาสควาเลอร์ คือที่พักพิงอาศัยของสามพี่น้องในเล่มนี้ พร้อมๆ กับทั้งสามได้รับรู้ว่า เคาต์โอลาฟไม่มีทางปล่อยโอกาสให้หลุดมือไปแน่ เขามีวิธีแยบยลที่จะเข้าถึงตัวเด็กๆ โบดแลร์ ไม่มีใครเห็นคิ้วยาวต่อกันและรอยสักรูปดวงตาที่ข้อเท้าของเขา แต่ทั้งสามคนรู้ตัวทันทีว่าเคาต์โอลาฟปลอมตัวเข้ามาถึง คฤหาสน์อาเพศ แห่งนี้
ไวโอเล็ตและเคลาส์ต้องหาทางแก้ไขสถานการณ์คับขันในครั้งนี้ เพื่อขึ้นไปตามหาน้องคนเล็กที่สำนักงานใหญ่ ว.ฟ.ด.ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาให้ได้ แต่การขึ้นไปนั้น ไม่ง่ายเลย เพราะข้างหน้ายังมีอุปสรรครออยู่มากมาย ทั้งอากาศหนาวเย็นที่ทำให้น้ำในลำธารกลายเป็นน้ำแข็ง ฝูงแมลงอารมณ์ร้ายที่กัดคนอย่างไม่มีเหตุผล และค่ายลูกเสือหิมะที่กำลังจะไปฉลองฤดูใบไม้ผลิจอมปลอม ในเล่มนี้ อักษรย่อ "ว.ฟ.ด." ยังคงเป็นปริศนา แต่พวกเด็กๆ ก็ยังตามหากันต่อไป และซันนี่ ซึ่งในตอนนี้ไม่ใช่เด็กทารกอีกต่อไปแล้ว ก็ได้รู้ความลับบางอย่างที่จุดประกายความหวังของสามพี่น้อง
เล่มนี้ พวกเด็กๆ ไม่ต้องไปอยู่ในความดูแลของญาติคนไหน พวกเขาได้เข้าโรงเรียน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ก็นั่นแหละ...จะน่ายินดีและมีความสงบสุขแน่ถ้าเคาต์โอลาฟไม่สามารถตามทั้งสามคนไปได้ แต่ใครๆก้รู้ว่า เคาต์โอลาฟปลอมตัวเก่งแค่ไหน และตบตาคนอื่นได้เสมอ นี่จึงเป็นเหตุให้เขาได้เข้ามาเป็นครูพละที่เหี้ยมโหด ในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพรัฟร็อก เรื่องนี้ไม่มีใครตาย มิหนำซ้ำสามพี่น้องยังมีเพื่อนสนิทเป็นแฝดสาม ฟังดูก็น่าจะดี แต่ถ้าราบรื่นมีความสุข ก็คงไม่ใช่ชีวิตของเด็กๆ โบดแลร์
เมื่อพวกเด็กๆ ต้องไปอาศัยอยู่กับญาติซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานเลื่อยไม้ในฐานะคนงานคนหนึ่ง พวกเขาต้องทำงานเสี่ยงอันตรายกับเครื่องจักมากมายจนแทบไม่ได้พักผ่อน และรับเพียงหมากฝรั่งก้อนเล็กๆเป็นอาหารกลางวัน ราวกับว่าพวกเขาไม่ใช่ญาติตัวเล็กๆ ของเจ้าของโรงงาน ที่น่าเขย่าขวัญที่สุดก็คือ เคลาส์เปลี่ยนไป ไม่เหมือนเคลาส์เดิมที่เคยรู้จัก และเขาก็ยังเป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุร้ายแรงที่เกิดขึ้นในโรงงาน แน่นอนว่าเรื่องทั้งหมดต้องเป้นแผนชั่วที่เคาต์โอลาฟ และพวกวางไว้อย่างแน่นอน ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมี โรงงานเขย่าขวัญ อย่างนี้อยุ่บนโลก และโรงงานแห่งนี้ก็พร้อมที่จะทำให้พวกเด็กๆ ต้องขวัญผวายิ่งกว่า ห้องอสรพิษ และ บ้าน
มีคำกล่าวว่า หลังพายุฝนฟ้าคะนอง ท้องฟ้าจะแจ่มใส และหลังจากเรื่องร้ายๆ ผ่านพ้นไป ชีวิตก็จะพบกับความสุข แต่สำหรับพวกเด็กๆโบดแลร์แล้ว ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย แม้ว่าพายุจะสงบลง แต่ท้องฟ้าของพวกเขาก็ยังมืดครึ้มอยู่ และแม้ว่าเรื่องร้ายๆ จะผ่านพ้นไปแล้ว พวกเขาก็ยังมองไม่เห็นวี่แววของความสุขในชีวิตเลยสักนิด มีแต่ความโชคร้ายที่ดาหน้าเข้ามาในชีวิตของพวกเขา เพราะใน บ้านประหลาด เล่มนี้ ไวโอเล็ต เคลาส์ และซันนี่ รวมทั้งป้าโจเซฟิน ญาติคนใหม่ที่พวกเด็กๆไปอยุ่ด้วย จะต้องร่วมกันเผชิญชะตากรรมอันแสนเลวร้ายที่เคาต์โอลาฟจอมวายร้ายหยิบยื่นให้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เรียกร้องเลยก็ตาม
แม้ว่าพวกเด็กๆ โบดแลร์จะได้ไปอาศัยอยู่กับลุงนักวิทยาศาสตร์ผู้ใจดี และบรรดาสัตว์เลื้อยคลานที่น่าสนใจแล้วก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะรอดพ้นจากความโชคร้ายที่เป็นเหมือนเงาตามตัวไปได้ จอมวายร้ายที่พวกเด็กๆ กลัวและขยะแขยงมากที่สุดในชีวิต ก็ยังตามหาพวกเขาจนเจอ และวางแผนการที่ร้ายยิ่งกว่าเดิมเพื่อฮุบมรดกของพวกเด็กๆ ต่อไป หากใครที่เคยเอาใจช่วยพวกเด็กกพร้าโบดแลร์มาแล้วใน 'ลางร้ายเริ่มปรากฎ' สำหรับเล่มนี้คงต้องเพิ่มความพยายามให้มากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เพราะความโชคร้ายที่เกิดขึ้นใน ห้องอสรพิษชวนผวา ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยทีเดียว...
ในฐานที่เล่มนี้เป็นเล่มสุดท้าย จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่คือที่สุดแห่งความโชคร้าย โศกเศร้า ระทมทุกข์ สูญเสีย น้ำตาหยาดหยด ฯลฯ อย่างไม่สามารถสรรคำใดมาพรรณาได้ เราจึงขอแนะนำว่า ถ้าคุณไม่กล้าพอ หรือรู้สึกหดหู่ใจเหลือเกินแล้วในโศกนาฏกรรมต่างๆ ที่พี่น้องโบดแลร์ประสบมาใน 12 เล่มก่อน เราขอให้คุณตัดใจจากหนังสือเล่มนี้ซะ
บางทีสิ่งก่อนสุดท้ายที่คุณอยากอ่านในชีวิตนี้คงได้แก่ ปืน ฉมวก ห้องอาบแดดบนหลังคา อักษรย่อลึกลับสองตัว แฝดสามที่แยกไม่ออก คนร้ายชื่อกระฉ่อน และแกงที่ไม่น่ากิน สิ่งก่อนสุดท้ายคือสิ่งแรกที่ควรจะหลีกเลี่ยง ดังนั้นจึงขอแนะนำว่า คุณควรจะวางหนังสือเล่มก่อนสุดท้ายนี้ลงเป็นอันดับแรก และในที่สุดก็ควรจะหาหนังสืออื่นมาอ่านแทน อย่างเช่นหนังสือเล่มก่อนสุดท้ายในชุดอื่น หรือหนังสือชุดที่มีเรื่องก่อนสุดท้ายอย่างอื่น เพื่อว่าหนังสือเล่มนี้จะได้ไม่เป็นหนังสือเล่มก่อนสุดท้ายที่จะกลายเป็นหนังสือเล่มสุดท้ายของคุณ
