สำนักพิมพ์ : เพชรนาคา ราคาปก : 175 บาท
จากลูกชาวนาสู่เกษตรกรผู้ค้าไผ่ โดยคุณโย เล่าย้อนความถึงจุดเริ่มต้น การปลูกไผ่บนเนื้อที่ 3 ไร่ (เฉพาะไผ่บงหวาน 1-2 ไร่) ให้ฟังว่า
“ครอบครัวผมทำนามาเป็น สิบๆ ปีแล้ว แต่ผมอยากลองมองหาพืชอย่างอื่น ที่ได้ผลตอบแทนดีมาทำแทนข้าวบ้าง ซึ่งตอนนั้นผมยังทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ
และเริ่มหาข้อมูลว่า พืชตัวไหนดี จนมาอ่านเจอบทความในนิตยสาร เกษตรเล่มหนึ่งเขาบอกว่าไผ่ขาดแคลนต้องนำเข้า จากประเทศเพื่อนบ้านมาผลิตเป็นตะเกียบ
ผมก็เลยเริ่มศึกษาเรื่องไผ่ จากนั้นก็เริ่มทดลองปลูก ไผ่เพื่อขายหน่อในพื้นที่ 1 ไร่ก่อนค่อยๆ เพิ่ม จำนวนเป็น 2 ไร่ และที่เลือกปลูกไผ่ขายหน่อดูก่อน
เพราะเป็นของที่คนกินตลอดน่าจะไปได้ดี” ซึ่งสำาหรับไผ่ที่คุณโยเลือกปลูกในสวน ของเขาช่วงแรก คือ ไผ่บงหวานเพชรน้ำาผึ้ง และ ไผ่กิมซุง
เพราะพิจารณาจากผลผลิตของหน่อที่ ไผ่ 2 สายพันธุ์นี้สามารถทำาหน่อนอกฤดูได้ดี โดยปลูกไผ่บงหวาน 90% และไผ่กิมซุง 10%
โดยเฉพาะไผ่บงหวานไผ่ท้องถิ่นของจังหวัดเลย ที่ได้มีการคัดสายพันธุ์โดยคุณเปียวรรณ บดี- รักษา จนสำาเร็จเป็นไผ่บงหวานเพชรน้ำาผึ้งรสชาติ
หน่อมีความโดดเด่นจากหน่อไม้พันธุ์อื่นๆ ตรงที่ มีความหวานกรอบ กินสดได้ เอาไปนึ่งหรือต้มก็ มีกลิ่นหอมคล้ายข้าวโพด เรียกได้ว่าลบคำาบอก
เล่าที่ว่ากินหน่อไม้แล้วปวดตามข้อ หัวเข่า ไป ได้เลย เพราะไผ่ชนิดนี้ไม่มีไซยาไนด์ (ส่วนที่มี รสขม) จึงสามารถกินสดได้แบบไม่ต้องต้มน้ำทิ้ง
ดูหนังสือเรื่องอื่นๆ ของเรา ได้ที่ www.phetpraguy.com