หนังสือแนวสารคดีประวัติศาสตร์ ที่ผู้เขียนได้ทำการศึกษา ค้นคว้าและเรียบเรียงเรื่องราวเหตุการณ์สำคัญๆ ของเมืองไทยและของโลกที่เกิดขึ้นในเดือนตุลาคมเอาไว้ โดยการดำเนินเรื่องจะไล่ตามวันที่ ตั้งแต่วันที่ 1 ไปจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม ซึ่งในแต่ละปีจะมีเหตุการณ์ที่น่าสนใจเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ 14 ตุลามหาวิปโยค เมื่อพ.ศ.
หนังสือเล่มนี้รวบรวมประวัติศาสตร์เรื่องราวการแตกความสามัคคีของคนไทย จนบ้านเมืองย่อยยับ ตั้งแต่สมัยยุคกรุงศรีอยุธยาจนกระทั่งยุคปัจจุบัน เนื่องจากเหตุการณ์บ้านเมืองในยามนี้ คนไทยกำลังถูกปั่นหัวให้ฆ่ากันเองในการแย่งชิงอำนาจของคนที่เห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง การแตกความสามัคคีและพลังความสามัคคี จึงเป็นบทเรียนที่เห็นเด่นชัดในประวัติศาสตร์ชาติไทย
ตีแผ่เรื่องราวของสงครามโลกครั้งที่2 ซึ่งเกิดผลกระทบอย่างไรกับประเทศไทยเราบ้างในเวลานั้น และเวลาต่อมา และที่พิเศษกว่าทุกเล่มที่เคยบันทึกเรื่องราวของสงครามโลกก็คือ นักเขียน (โรม บุนนาค) นั้นได้เลือกแง่มุมที่แปลกกว่าบันทึกอื่นๆ เป็นมุมมองของไทยถ่ายทอด ไม่ใช่บันทึกจากตะวันตก อาทิเช่น วีรกรรมที่อ่าวมะนาว,ยุวชนทหารออกศึก, ลูกเสือออกรบ, หลั่งเลือดเมื่อญี่ปุ่นตบหน้าเณร, ทางรถไฟสายนรก, โค่นจอมพล ป. กลางศึก ฯลฯ
ในหนังสือเล่มที่ท่านถืออยู่นี้รวบรวมทุกเหตุ วิเคราะห์ทุกหลักการ สยามสมัย ร.5 อาทิ นาทีวิกฤตที่ปากอ่าวไทย ต้องใช้ "เงินถุงแดง" ไถ่ประเทศ...ฝรั่งเศสยึดจันทบุรี-ตราด สร้างคุกขี้ไก่ขังคนไทย เจ้าหญิงแสนสวยมาไทย สุดท้ายกลายเป็น "สวะ" พระนางเรือล่ม ทรงครรภ์สิ้นทั้งกลม ทูตอังกฤษเรียกเรือรบถล่มไทย เมื่อลูกเขยถูก ร.5 สั่งประหาร บางเรื่องท่านอาจเคยได้ยินและได้ศึกษามาบ้าง และในเล่มนี้เนื้อหาเปี่ยมด้วยสาระ ครบเครื่องทางประวัติศาสตร์ ทั้งยังอ่านสนุกจนวางแทบไม่ลง
บันทึกประวัติศาสตร์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวจากมุมมองที่คุณอาจไม่เคยสัมผัสมาก่อน เป็นการมองประวัติศาสตร์จากสายตาอีกระนาบหนึ่ง และเมื่อคุณอ่านหนังสือเล่มนี้จบลง บางทีสายตาที่คุณมองประวัติศาสตร์อาจขยายเปลี่ยนไป แล้วคุณจะรู้ว่าก้อนอิฐทุกก้อน ต้นไม้ทุกต้น ล้วนมีที่มาและมีตำนานเรื่องเล่าของมันเอง...(บางส่วนจากคำนำ)
"งานช่างศิลป์ไทย" เล่มนี้ ได้นำเสนองานช่างเรื่อง จิตรกรรมไทย หุ่นและหัวโขน สลักหนังใหญ่และหนังตะลุง เครื่องไม้จำหลัก หล่อโลหะไทย และบุดุนโลหะไทย ซึ่งทั้งหมดคือภูมิปัญญาของบรรพบุรุษที่หาค่ามิได้ ทั้งนี้นอกจากการแสดงให้ทราบประวัติความเป็นมาและขั้นตอนกรรมวิธีการผลิตของงานแต่ละประเภทแล้ว ยังกล่าวให้ทราบด้วยว่า งานช่างต่างๆ มีความงดงาม สะท้อน "อัตลักษณ์" ความเป็นตัวตนของช่างไทยเป็นอย่างยิ่ง สิ่งสำคัญที่ไม่กล่าวไว้ไม่ได้คือ งานช่างแทบทุกประเภทนี้ ได้รับการอุปถัมถ์และสนับสนุนจากราชสำนักมาโดยตลอด แม้กระทั่งบางงานอย่าง เครื่องไม้จำหลัก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงลงฝีพระหัตถ์ด้วยพระองค์เอง เป็นค
งานช่างศิลป์ไทยมรดกทางศิลปวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า ที่ผ่านการสร้างสรรค์ จากช่างฝีมือ ไม่ว่าจะเป็นแขนงใด ปูนปั้น เครื่องถมและลงยา เครื่องรัก ประดับมุก หรือประดับกระจก ล้วนงดงามและมีคุณค่าอันเป็นอัตลักษณ์ควรแก่การอนุรักษ์สืบสานทั้งสิ้น เเม้ในเนื้อหาหนังสือเล่มนี้ส่วนใหญ่จะมุ่งให้รายละเอียดเกี่ยวกับความเป็นมา เเละเรื่องราววิธีการสร้างสรรค์ งานศิลป์ไทยในรูปเเบบต่างๆ หากโดยจุดประสงค์ของการนำเสนออย่างเเท้จริงเเล้ว ก็เพียงหวังให้เกิดการตระหนักรับรู้ในคุณค่า อันจะยังผลให้เกิดความร่วมมือร่วมใจกันในการอนุรักษ์งานศิลป์เหล่านี้ไว้สืบไป
หนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมเรื่องพุทธศิลป์และเทวศิลป์ในสมัยศิลปะทวารวดี ศิลปะทักษิณ และศิลปะร่วมแบบเขมร โดยแต่ละยุคสมัยปรากฏพุทธลักษณะและเทวลักษณะของประติมากรรมแตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอิทธิพลของศิลปะที่ยุคสมัยนั้นๆ ได้รับมา อย่างเช่น การได้รับอิทธิพลศิลปะอินเดีย หรือการถ่ายทอดอิทธิพลศิลปะให้แก่กันและกัน ทั้งนี้ ศิลปะทวารวดีสามารถแบ่งออกได้ 3 สมัย ทวารวดีตอนต้น องค์ประติมากรรมได้รับอิทธิพลจากอินเดียชัดเจน ทวารวดีตอนกลาง รูปเคารพเริ่มคลี่คลายผสมลักษณะของพื้นเมือง และทวารวดีตอนปลาย ประติมากรรมมีลักษณะเฉพาะของตน ศิลปะทักษิณ หรือที่ทั่วไปรู้จักกันว่า ศิลปะศรีวิชัย เป็นศิลปะที่ได้รับอิทธิพลทั้งจ
"พระพุทธรูปและเทวรูป : ศิลปะล้านนา สุโขทัย อยุธยา และรัตนโกสินทร์" เล่มนี้ บอกเล่าเรื่องราวของพระพุทธรูปและเทวรูปในยุคศิลปะต่างๆ ตั้งแต่ล้านนา สุโขทัย อยุธยา จนถึงรัตนโกสินทร์ พร้อมภาพสีประกอบของพระพุทธรูปและเทวรูป โดยก่อนจะเข้าสู่เรื่องราวจะมีการเกริ่นนำเล่าถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาในแต่ละยุคสมัยอันส่งผลต่อความเชื่อและค่านิยมในการสร้างพระพุทธรูปและเทวรูปในสมัยต่างๆ อันมีเอกลักษณ์เฉพาะตน
