ประวัติศาสตร์ไทยร่วมสมัย พ.2
"ทำไมเราถึงยกให้หนังสือ “ประวัติศาสตร์ไทยร่วมสมัย” เป็นหนังสือแห่งปี และหวังที่จะเห็นหนังสือเล่มนี้อยู่ในมือนักอ่านคนไทยมากที่สุด!
"ทำไมเราถึงยกให้หนังสือ “ประวัติศาสตร์ไทยร่วมสมัย” เป็นหนังสือแห่งปี และหวังที่จะเห็นหนังสือเล่มนี้อยู่ในมือนักอ่านคนไทยมากที่สุด!
"สืบจากภาพเก่า สืบจากภาพเก่า และตีแผ่บทบาทของกลุ่มขุนนางในราชสำนัก สมัยรัชกาลที่ ๔-๕ ไกรฤกษ์ นานา นักวิชาการอิสระ เจ้าของผลงานหนังสือประวัติศาสตร์สมัยรัชกาลที่4-5 เป็นจำนวนหลายเล่ม ที่จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์มติชน ออกผลงานใหม่ล่าสุด หน้าหนึ่งในสยาม โดยเน้นหนักไปที่การนำเสนอภาพจากข่าวต่างประเทศในยุคนั้นแล้วนำมาวิเคราะห์ว่า ในช่วงนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง ดังคำนำของผู้เขียนว่า “...สิ่งที่ขาดแคลนอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องราวของเมืองไทยคือการตีความทางประวัติศาสตร์ การวินิจฉัยข้อมูลใหม่ๆ โดยใช้รูปภาพเป็นสื่อช่วยสะท้อนบทบาทของบุคคลในภาพ ณ สถานที่เกิดเหตุจริง ซึ่งอาจเป็นเพียงเรื่องเล่า แต่กลับกลายเป็นปัจจัย
"เบื้องลึกเบื้องหลังประวัติศาสตร์ จากวาทะและข้อเขียนสำคัญ ของเจ้านายในพระราชวงศ์จักรี “ ---บัดนั้นซึ่งเป็นคราวที่พวกเจ้านายตกต่ำนี่กระไร ---“ (พระประวัติตรัสเล่าใน สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส) “---นี่เหลือที่จะอดกลั้น รู้สึกคันอยู่ในเนื้อที่หนา ๆ เช่น ซ่นเท้า เกาไม่ถึงก็ปานกัน---"" (พระราชหัตถเลขาในรัชกาลที่ ๕) “---ไหนใครๆ ว่าฉันมีบุญจะได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินทำไมถึงเป็นไปเช่นนี้---” (พระปรารภใน สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนครราชสีมา) นี่คือตัวอย่างวาทะสำคัญของพระมหากษัตริย์และเจ้านายในพระราชวงศ์จักรี เป็นแค่เพียงบางส่วน ที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้ ยังมีอีกมาก ที่ผู้เขียนได้คัดสรรมาแล้ว
ที่ผ่านมาเราศึกษาประวติศาสต ร์ความสัมพันธ์ไทย-พม่าด้วยการใช้แต่หลักฐานของทางฝ่ายไทยข้างเดียว บทความที่ ดร. สุเนตร ชุตินธรานนท์ นำมาเสนอในที่นี้ มุ่งศึกษาและตีแผ่เรื่องราวในสงครามที่ไทยมีกับพม่าตามที่มีปรากฏในพงศาวดารพม่าฉบับต่างๆ ซึ่งมีสาระและมุมมองที่หาอ่านไม่ได้ในเอกสารไทย สำหรับการจัดพิมพ์ครั้งใหม่นี้ ดร.
"นำเสนอข้อมูลทางประวัติศาสตร์ศิลปะล้านนา ทุกประเภท ตั้งแต่ งานสถาปัตยกรรม ประติมากรรม (พระพุทธรูป,งานปูนปั้น) และจิตรกรรม ทั้งนี้ผู้เขียนเป็นผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์ศิลปะในประเทศไทย โดยเฉพาะศิลปะล้านนา ผู้เขียนได้ออกสำรวจ และตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดจึงทำให้งานชิ้นนี้ เต็มไปด้วยข้อมุลหลักฐานที่เกี่ยวกับศิลปะล้านนาไว้อย่างครบถ้วน "
"การนำเสนอ ‘ศรีศิขเรศวร: ปราสาทพระวิหาร’ ในครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นการเสนอข้อมูลทางวิชาการด้านศิลปะและโบราณคดีที่แสดงให้เห็นถึงประวัติความเป็นมา รูปแบบศิลปกรรม แนวคิดและคติการสร้างศาสนสถานที่เกี่ยวข้องกับชุมชนแห่งนี้ในอดีต โดยการย้อนยุคไปยังพุทธศตวรรษที่ ๑๖ ที่ยังไม่มีเส้นเขตแดนไทยและกัมพูชา เพื่อการรับรู้ข้อมูลในลักษณะของการอธิบายและนำชมหลักฐานทางศิลปกรรมและจารึกที่ปรากฏอยู่ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้อ่านจะได้รับรู้ ทำความเข้าใจ ความเป็นมาและความสำคัญของปราสาทพระวิหารในฐานะตัวแทนของหลักฐานทางวัฒนธรรมที่แท้จริงที่ไม่ใช่เครื่องมือทางการเมืองของนักการเมืองหรือปัญ
"ในช่วงมหาอุทกภัยเมื่อปี ๒๕๕๔ เราคงได้ยินชื่อ คลองสามวา คลองหกวา คลองทวีวัฒนา คลองรพีพัฒน์ คลองมหาสวัสดิ์ ผ่านการรายงานจากผู้สื่อข่าวจากทางทีวี หรืออ่านจากข่าวหนังสือพิมพ์ แต่เราไม่เคยรู้เรื่องราวความเป็นมา เบื้องหลังของชื่อเสียงเรียงนามของแม่น้ำลำคลอง ว่าทำไมถึงได้ตั้งชื่อนี้ ส.พลายน้อย ได้รวบรวมประวัติความเป็นมาของแม่น้ำลำคลองต่างๆ ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดจำนวนกว่าเจ็ดสิบแห่ง ซึ่งเขียนเป็นตอนๆ ในหนังสือพิมพ์มติชน ตั้งแต่กลางปี ๒๕๕๓ จนถึงต้นปี ๒๕๕๕ แล้วนำมาปรับปรุงใหม่ จนกลายมาเป็นหนังสือเล่มนี้ นอกจากจะรู้เรื่องราวประวัติความเป็นมาของชื่อแม่น้ำลำคลองแล้ว ยังสอดแทรกเรื่องราวทางประว
พระยาพหลพลพยุหเสนา เรารู้จักท่านในฐานะผู้นำในการเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศเมื่อ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ ซึ่งชีวิตของท่านยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่น่าสนใจ ทั้งช่วงและหลังก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง แต่เป็นที่รับรู้กันน้อย เพราะข้อมูลส่วนตัวของท่านหาได้ยาก หนังสือเล่มนี้ จะทำให้ผู้อ่านได้รู้จักพระยาพหลฯ ในชีวิตแต่ละช่วงได้ดียิ่งขึ้นตั้งแต่ช่วงปฐมวัย เรียนทหารที่เยอรมนี ผู้นำฝ่ายทหารเปลี่ยนแปลงการปกครอง จนกระทั่งมาเป็นนายกรัฐมนตรี ส.พลายน้อย ได้แทรกเกร็ดเบ็ดเตล็ดต่างๆ ที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ ในแต่ละช่วงชีวิตของพระยาพหลฯ อย่างน่าสนใจ และมีความสมบูรณ์ของเนื้อหาที่หนังสือเล่มอื่นไม่มี
รวมบทความเกี่ยวกับเรื่อง ประวัติของเซอร์จอหน์ เบาริ่ง และ เรื่องราวอันน่าพิสดารที่ตื่นเต้นของเซอร์จอห์น เบาริ่ง โดยคุณไกรฤกษ์ เปิดเผยข้อมูลและภาพวาดที่หาดูยาก จากนิตยสารในยุโรป ซึ่งผู้เขียนใช้ความพยายามในการเสาะหาและรวบรวม "...เป็นการใช้ข้อมูลจากหลักฐานชั้นต้นที่ใกล้เคียงกับเหตุการณ์จริงมากที่สุดในการเขียนประวัติศาสตร์สยามยุคเริ่มเป็นสมัยใหม่ที่ยากจะหานักประวัติศาสตร์ไทยคนอื่นๆ ทำได้เท่า หนังสือเล่มนี้จึงเป็นการศึกษาค้นคว้าเรื่องราวของเซอร์จอห์น เบาริ่งที่สมบูรณ์มากที่สุดที่มีในวงการประวัติศาสตร์ไทย…” (จากคำนิยมของดร.ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ)
"ในความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นลึกซึ้งของครอบครัวหนึ่งๆ ที่บุพการีพึงจะทิ้งอะไรให้แก่ลูกหลานเพื่อเป็นสิ่งที่คอยเตือนจิตเตือนใจให้สำนึกอยู่เสมอว่าตนคือใครนั้น ปรากฏว่า จีนสยามจำนวนมากกลับไม่มีภาพบันทึก หรือแม้แต่คำบอกเล่าเรื่องราวภูมิหลังของตน สิ่งที่ตกตะกอนอยู่ในใจไปตราบวันสิ้นลม มีเพียงประการเดียวคือ รู้แต่เพียงว่าตนเป็น “จีนสยาม” จีนสยามจำนวนมากจึงไม่รู้ว่าตนเป็นใคร? มาจากไหน? และญาติโกโหติกาที่แผ่นดินใหญ่นั้นยังอยู่ดีหรือไม่? อย่างไร? จีนแคะจำนวนมากก็ไม่ได้แตกต่างไปจากจีนสยาม โดยส่วนใหญ่ที่ไม่รู้ภูมิหลังหรือรากของตนมากไปกว่าที่รู้ว่าตนคือ “จีนแคะ”"